ศูนย์ TVET แห่งใหม่ใน EEC
ศูนย์การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพของโครงการ “Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต” ที่โครงการอีอีซี ช่วยผลิตช่างเทคนิคที่มีทักษะเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีมูลค่าเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในภูมิภาคอาเซียน แต่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานักเศรษฐศาสตร์กลับมองว่าประเทศไทยนั้นติดกับดักรายได้ปานกลาง จากค่าแรงที่สูงขึ้น ทว่าประเทศไม่ได้เปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมการใช้แรงงานหนักไปสู่อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม นอกจากนี้ต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้นนั้นยังเป็นปัจจัยที่ฉุดความสามารถในการแข่งขันทางด้านการลงทุนอีกด้วย เพื่อตอบสนองสถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาลจึงได้ออกนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย 4.0 เพื่อให้ชาวไทยทุกคนสามารถมีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
ประเทศไทย 4.0 เป็นการวางยุทธศาสตร์ให้ประเทศเป็นศูนย์กลางทางด้านการค้าและการลงทุนในระดับภูมิภาคและเป็นประตูสำคัญที่จะเชื่อมไปสู่ทวีปเอเชีย เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จดังกล่าว ผู้กำหนดนโยบายได้ให้ความสำคัญกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทย โครงการอีอีซีประกอบด้วยจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา นับเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอุตสาหกรรมหนักในประเทศไทยมากว่า 30 ปี ทุกฝ่ายต่างให้ความสำคัญกับโครงการนี้เป็นอย่างมากโดยอาจกล่าวได้ว่าโครงการอีอีซี คือ “กุญแจสำคัญสู่ประเทศไทย 4.0”
สำหรับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมอัจฉริยะในประเทศไทย ทางรัฐบาลได้ประกาศช่วยเหลือสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีให้แก่การลงทุนใน 10 ภาคอุตสาหกรรมที่เป็นเป้าหมายของประเทศหรือที่เรียกกันว่า “S-Curve” ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (next-gen automotives) อุตสาหกรรมเคมีชีวภาพ (biochemicals) อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร (future foods) อุตสาหกรรมทางการแพทย์แบบครบวงจร (medical hubs) อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (robotics) อุตสาหกรรมการบิน (aviation) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (smart electronics) อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ (biotechnology) อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (wellness tourism) และอุตสาหกรรมดิจิตอล (digital)
โดยเมื่อปีที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทย (BOI) ได้อนุมัติการดำเนินงาน 203 โครงการ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 119.8 พันล้านบาท อาจกล่าวได้ว่ายุคประเทศไทย 1.0 ที่เศรษฐกิจพึ่งพิงผลผลิตจากการเกษตรเป็นหลักและยุคประเทศไทย 2.0 ที่เน้นอุตสาหกรรมเบานั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว ปัจจุบันรัฐบาลมองหาหนทางที่จะเปลี่ยนผ่านยุคประเทศไทย 3.0 ที่เน้นอุตสาหกรรมหนัก ไปสู่ประเทศไทย 4.0 ที่อุตสาหกรรมขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีบริษัทใหม่ๆ เริ่มเข้ามาตั้งรกรากที่โครงการอีอีซี มีการนำเข้าเทคโนโลยีใหม่ๆ โรงงานอุตสาหกรรมต่างเปิดรับพนักงานเป็นจำนวนมาก คำถามที่สำคัญคือใครจะเป็นผู้ควบคุมการดำเนินการและดูแลรักษาเครื่องจักรรุ่นใหม่เหล่านี้
ความต้องการบุคคลากรเหล่านี้ได้ถูกยกเป็นประเด็นสำคัญ “ปัจจุบัน กลุ่มผู้ใช้แรงงานมีจำนวนมากกว่า 30 ล้านคน แต่มีเพียง 6-8 ล้านคนหรือร้อยละ 15 เท่านั้น ที่มีทักษะเพียงพอและตอบโจทย์มาตรฐานความต้องการของภาคอุตสาหกรรม” พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวในงานสัมมนาวิชาการอาชีวะ TVET 4.0 ศักยภาพแห่งอนาคต ภายใต้โครงการ Chevron Enjoy Science เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ช่างเทคนิคที่มีศักยภาพและทักษะขั้นสูงนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยต่อยอดความสำเร็จของภาคอุตสาหกรรมอันล้ำสมัยอย่าง “S-Curve” ที่กำลังจะเกิดขึ้นในโครงการอีอีซี ทั้งนี้ระบบการศึกษาในปัจจุบันมุ่งไปที่การผลิตบุคลากรที่เน้นใช้แรงงานซึ่งเหมาะกับยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม มากกว่าการเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 อย่างการคิดวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ การร่วมมือร่วมใจปฏิบัติงาน ทักษะด้านการสื่อสาร และความคิดสร้างสรรค์
เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สอดคล้องกันระหว่างสถาบันการศึกษาและธุรกิจอุตสาหกรรมยุคใหม่ โครงการ Chevron Enjoy Science ได้ก่อตั้งศูนย์การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพ (TVET) แห่งใหม่ขึ้นที่โครงการอีอีซี ศูนย์ฯ ที่อีอีซีจะช่วยขยายการดำเนินงานของโครงการฯไปสู่วิทยาลัยเทคนิคกว่า 60 แห่ง เข้าถึงนักศึกษาอาชีวะกว่า 166,000 คน บุคลากรครูกว่า 1,000 คน และผู้นำในสถานศึกษากว่า 350 คน จากศูนย์ฯ ที่ตั้งขึ้นแล้ว 5 แห่งทั่วประเทศ โดยมีแผนงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ภาคอุตสาหกรรมและผู้อำนวยการโรงเรียนเข้ามามีส่วนร่วม การพัฒนาทักษะครูและหลักสูตร การฝึกงานสำหรับนักศึกษา และอื่นๆ อีกมากมายขึ้นอยู่กับความต้องการที่เฉพาะเจาะจงและโอกาสของแต่ละภูมิภาค
ศูนย์การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพใช้ 7 กลยุทธ์ ในการเตรียมความพร้อมนักศึกษาอาชีวะสู่การทำงานในสถานประกอบการยุคใหม
1.สร้างแพลตฟอร์มการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนเพื่อเชื่อมโยงสถาบันอาชีวศึกษา นักเรียนนักศึกษา และภาคธุรกิจด้วยกัน่
2.เป็นศูนย์กลางในการตอบสนองต่อความต้องการทางด้านบุคลากรของภาคอุตสาหกรรมในภูมิภาค และความต้องการทางด้านหลักสูตรของทั้งนักเรียนและครูในสถาบันอาชีวศึกษาแต่ละพื้นที่
3.นำรูปแบบการฝึกอบรมของต่างประเทศมาปรับปรุงหลักสูตร STEM และ TVET ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
4.เป็นศูนย์กลางในการให้คำปรึกษาและการประกันคุณภาพกับโรงเรียน ภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการ
5.จัดการและดูแลสื่อการเรียนการสอนพร้อมแจกจ่ายให้แก่โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ
6.พัฒนารูปแบบหลักสูตรและการฝึกอบรมที่เน้นการโต้ตอบและสามารถใช้งานได้จริง
7.พัฒนาโปรแกรมฝึกงานสำหรับนักศึกษาที่ตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม
ภาคอุตสาหกรรมและรัฐบาลต่างเห็นตรงกันถึงความสำคัญของการพัฒนาความรู้ความสามารถของช่างเทคนิคให้มีทักษะซึ่งจะช่วย ขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจไทยไปอีกขั้น การจะช่วยให้นักศึกษาอาชีวะประสบความสำเร็จในการเรียนระดับชั้นที่สูงขึ้นได้นั้น รากฐานที่แข็งแกร่งของสะเต็มศึกษานั้นจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการปฏิบัติงานในสายอาชีพเฉพาะทาง
ประวิทย์ ประกฤตศรี ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มธุรกิจพลังงาน บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด กล่าวที่งานสัมมนาวิชาการอาชีวะ TVET 4.0 ศักยภาพแห่งอนาคต เน้นย้ำถึงความสำคัญที่ครูผู้สอนจะต้องใช้เทคนิคใหม่ๆ ในการกระตุ้นให้นักเรียนนักศึกษาสนใจในการเรียนรู้ และยังผลักดันให้ครูแสดงออกถึงความสำคัญของการเรียนรู้ ที่มีต่อการพัฒนาประเทศชาติและสร้างสรรค์สิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อส่วนรวม
ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวกับ Nikkei Asian Review ว่า “เราต้องการให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมและช่วยสนับสนุนในเรื่องนี้ เพราะท้ายที่สุดก็จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย เราตระหนักว่าการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จในอนาคต”