Alienum phaedrum torquatos nec eu, vis detraxit periculis ex, nihil expetendis in mei. Mei an pericula euripidis, hinc partem.
 

โฮโมอีเร็คตัสคนสุดท้าย ปริศนาเครือญาติแห่งมนุษยชาติ

โฮโมอีเร็คตัสคนสุดท้าย ปริศนาเครือญาติแห่งมนุษยชาติ

เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่กำลังครองโลกอยู่ทุกวันนี้คือ โฮโมเซเปียนส์ (Homo sapiens)

พวกเรากระจายเผ่าพันธุ์ไปทั่วโลก พัฒนาเทคโนโลยี แหล่งที่อยู่อาศัย การเกษตร รวมทั้งเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย จนตอนนี้พวกเราเริ่มมองไปยังท้องฟ้าและห้วงอวกาศ

แม้วิทยาการและความรู้ของพวกเราจะก้าวไกลไปมาก แต่ปัญหาหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบไม่ได้คือ บรรพบุรุษของเราหายไปไหน

โฮโมอีเร็คตัส (Homo erectus) เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่เป็นญาติใกล้ชิดกับมนุษย์เราโดยตรง พวกเขามีสมองที่เล็กกว่ามนุษย์ แต่เผ่าพันธุ์นี้ยืนตัวค่อนข้างตรงจนได้ชื่อว่า erectus ที่หมายถึงตั้งตรง อีกทั้งยังสามารถประดิษฐ์อุปกรณ์อย่างขวานหินได้ด้วย

หลักฐานต่างๆชี้ว่าราวสองล้านปีก่อน โฮโมอีเร็คตัสเดินทางออกจากแอฟริกากระจายมายังเอเชีย และ เมื่อ 1.5 ล้านปีก่อน พวกเขาเดินทางมาถึงเกาะชวา (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอินโดนีเซียในปัจจุบัน) ในยุคนั้นเกาะชวายังเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ แต่ช่วงเวลาหลักแสนปีก่อน ประชากรเผ่าพันธุ์นี้ลดจำนวนลงจนสูญพันธุ์ไป  โดยไม่หลงเหลือชีวิตมาจนถึงปัจจุบันเลย

การสูญพันธุ์ของโฮโมอีเร็คตัสเป็นหนึ่งในเรื่องลึกลับที่ยังไม่มีใครตอบได้อย่างชัดเจน

หนึ่งในกุญแจที่จะช่วยเราสืบสาวหาคำตอบได้คือ การพยายามหาอายุจากหลักฐานฟอสซิลให้แม่นยำที่สุด

ในปี ค.ศ. 1931-1933 นักสำรวจชาวดัตช์ขุดค้นพบฟอสซิลของส่วนของกระโหลกของโฮโมอีเร็คตัส 12 ชิ้น ขาสองชิ้น ปะปนอยู่กับกระดูกสัตว์หลายพันชิ้น ที่บริเวณแม่น้ำโซโล (Solo River) แถบหมู่บ้าน Ngandong เกาะชวา แต่ปัญหาที่เหล่านักสำรวจเผชิญคือ พวกเขาไม่สามารถตรวจวัดอายุของกระดูกเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำ

นักวิทยาศาสตร์ในยุคต่อมาก็ไม่สามารถศึกษาไปต่อได้เพราะการหาอายุฟอสซิลให้แม่นยำได้จำเป็นต้องมีเนื้อหินและดินจากแหล่งขุดนั้นมาประกอบ ทว่าหากนับมาจนถึงวันนี้ การขุดล่วงเลยมาร่วม 90 ปีแล้วซึ่งอยู่ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สองเสียอีก

ความพยายามล่าสุดของ O. Frank Huffman นักโบราณคดีแห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส ออสติน ทุ่มพลังห้าปีไปกับการสืบจากหลักฐานรูปถ่ายและบันทึกที่เหลืออยู่ของชาวดัตช์ อีกทั้งยังลงทุนไปสัมภาษณ์เก็บข้อมูลจากเหล่าลูกหลานของนักสำรวจเหล่านั้น จนได้ข้อสรุปว่าแหล่งขุดอยู่ใกล้กับไร่อ้อยแห่งหนึ่ง ในเกาะชวา ซึ่งเมื่อทีมนักวิจัยร่วมไปลองขุดดูก็พบฟอสซิลใหม่ๆเกือบพันชิ้น แต่เป็นของกวาง วัวป่า สเตโกดอน (stegodon) ซึ่งเป็นสัตว์มีลักษณะคล้ายกับช้างโบราณ

เมื่อทำการวัดอายุด้วยกัมมันตรังสีก็พบว่ากระดูกทั้งหมดรวมทั้งโฮโมอีเร็คตัสที่ค้นพบเมื่อนานมาแล้ว ถูกฝังในช่วงประมาณ 108,000-117,000 ปีก่อน ผลงานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Nature ที่เป็นวารสารวิชาการแนวหน้าของโลก

นี่ถือเป็นข่าวใหญ่ไม่เบา เพราะ นี่คือฟอสซิลโฮโมอีเร็คตัสที่ใหม่ที่สุดที่มีการค้นพบมา กล่าวคือนักโบราณคดีไม่เคยพบเห็นโฮโมอีเร็คตัสที่ใหม่ไปกว่านี้

หากเปรียบเทียบกับการหาเบาะแสของผู้เสียชีวิตในยุคปัจจุบัน ฟอสซิลดังกล่าวนี้อาจเหมือนกับบันทึกกล้องวงจรปิดช่วงเวลาล่าสุดที่เห็นผู้เสียชีวิตยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งนับว่าเป็นหลักฐานสำคัญมาก

อย่างไรก็ตาม ทีมนักวิจัยให้ความเห็นว่าโฮโมอีเร็คตัสอาจจะดำรงอยู่นานกว่าช่วงเวลาที่ได้จากฟอสซิลนี้พอสมควร  ซึ่งพวกเขาอาจได้รับอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทั้งอุ่นและชื้นมากขึ้น เมื่อประกอบกับภูมิประเทศก็เริ่มกลายเป็นป่าฝน อาจทำให้เผ่าพันธุ์โฮโมอีเร็คตัสประสบปัญหามากมายในการดำรงชีวิต และเมื่อมนุษย์อย่างเราเดินทางไปยังเกาะชวาเมื่อ 40,000 ปีก่อน

นั่นอาจเป็นสาเหตุให้โฮโมอีเร็คตัสสูญพันธุ์ไปอย่างสมบูรณ์ก็ได้

ไม่มีใครรู้ว่ามนุษย์เราโหดร้ายถึงขั้นทำให้พวกเขาสูญพันธุ์ได้จริงหรือไม่ แต่หลักฐานที่มนุษย์ปัจจุบันทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆบนโลกสูญพันธุ์ไปมากมาย

ทฤษฎีนี้อาจไม่ถึงกับเลื่อนลอยเสียทีเดียว

อ้างอิง

https://www.sciencemag.org/news/2019/12/ancient-human-species-made-last-stand-100000-years-ago-indonesian-island

https://www.nature.com/articles/s41586-019-1863-2

https://www.sciencedaily.com/releases/2019/12/191218153527.htm

https://www.britannica.com/topic/Homo-erectus/Fossil-evidence

https://www.nhm.ac.uk/discover/homo-erectus-our-ancient-ancestor.html

https://journals.plos.org/plosone/article?id=10.1371/journal.pone.0200497

Date

February 3, 2020

Category

STEM NEWS